ตัวเคลื่อนไหว

JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW

วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ทำไมเราถึงง่วงนอนตอนบ่ายๆ


ห้าวววว...โอ้ทำไมเวลาเรียนช่วงบ่าย มันถึงได้ง่วงขนาดนี้เนี่ย เป็นกันหรือเปล่าจ๊ะ รู้หรือเปล่าจ๊ะว่าทำไมเราถึงง่วงนอนช่วงบ่ายๆ ในแต่ละวันร่างกายของเราต้องทำงานอะไรบ้างวันนี้พามาดูว่าในช่วงเวลา 24 ชม.ร่างกายของเราทำอะไร

ร่างกายทำอะไรบ้างใน24ชั่วโมง
นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียได้วิจัยและค้นคว้าร่างกายของมนุษย์เราว่า ทำอะไรบ้างในแต่ละชั่วโมง

01.00 น. คนส่วนใหญ่จะนอนหลับ ร่างกายจะมีความรู้สึกไวต่อความเจ็บปวดมาก

02.00 น. นอกจากตับแล้ว ส่วนต่างๆ ของร่างกายจะเคลื่อนไหวช้ามาก

03.00 น. ร่างกายทั้งหมดจะพักผ่อน กล้ามเนื้อจะผ่อนคลาย ความดันจะต่ำ ชีพจรจะเต้นช้า การหายใจก็จะช้า

*04.00 น. สมองได้รับเลือดไปหล่อเลี้ยงน้อยมาก ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ตายไปในระยะเวลานี้

05.00 น. ไตจะไม่ทำหน้าที่กรอง เนื่องจากเราได้พักผ่อนมาระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้น ในเวลาตื่นนอนอารมณ์จะรู้สึกสดชื่นเป็นพิเศษ

06.00 น. ความดันเลือดจะสูงขึ้น หัวใจจะเต้นเร็วขึ้น

07.00 น. ภูมิต้านทานโรคในช่วงนี้จะดีมาก เพราะร่างกายได้พักผ่อนมาแล้ว

*08.00 น. ตับจะทำหน้าที่ขับพิษออกจากร่างกาย ในช่วงนี้ไม่ควรดื่มสุรา

09.00 น. จิตใจ อารมณ์ การทำงานจะดีมากในช่วงนี้

10.00 น. เป็นช่วงที่ร่างกายและสุขภาพจะดีมาก เหมาะที่จะทำงาน

11.00 น. เป็นช่วงที่ขยันขันแข็งในการทำงาน ร่างกายยังไม่อ่อนเพลีย

12.00 น. ช่วงตอนที่จะหยุดงาน ทางที่ดีที่สุดอย่าเพิ่งรับประทานอาหาร ควรจะรอช้ากว่าไปอีกสักหน่อย แล้วทานเอาช่วงเวลาประมาณ 12.30 หรือ 13.00น. ก็จะดี

13.00 น. ตับจะพักผ่อน เนื่องจากเวลาการทำงานที่ดีได้ผ่านไปแล้ว ร่างกายในช่วงนี้จะเริ่มรู้สึกอ่อนเพลีย
*14.00 น. เป็นช่วงระยะเวลาที่ร่างกายรู้สึกอืดอาด เชื่องช้าที่สุดในระยะหนึ่งของแต่ละวัน

15.00 น. ระบบต่างๆ ของร่างกายจะมีปฏิกิริยาที่ไวมาก สมรรถภาพของพละกำลังเริ่มฟื้นฟูขึ้น

16.00 น. ในกระแสเลือด จะมีน้ำตาลเพิ่มขึ้น แต่ก็จะลดลงอย่างรวดเร็ว

17.00 น. สมรรถภาพในการทำงานจะเพิ่มขึ้น จะเห็นได้จากนักกีฬาที่ออกกำลังกาย จะมีเรี่ยวแรงเพิ่มมากขึ้น

18.00 น. ความรู้สึกต่ออาการเจ็บปวดจะลดน้อยลง ขอให้เพิ่มการออกกำลังกาย

*19.00 น. ความดันของเลือดจะเพิ่มสูงขึ้น อารมณ์จะไม่ค่อยดีนัก มักจะเกิดงขึ้นได้ด้วยสาเหตุเล็กๆน้อยๆ

20.00 น. น้ำหนักตัวจะรู้สึกเพิ่มมากขึ้น สะท้อนออกถึงความผิดปกติอย่างรวดเร็ว

*21.00 น. อารมณ์จะกลับเข้าสู่สภาพปกติ ความจำจะดีขึ้น สามารถคิดสิ่งต่างๆ ออกได้

22.00 น. ในกระแสโลหิต จะเต็มไปด้วยเม็ดเลือดขาว อุณหภูมิในร่างกายจะลดต่ำลง

*23.00 น. ร่างกายตระเตรียมพักผ่อน เพื่อปรับปรุงซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ ที่สึกหรอ

24.00 น. เข้าสู่ชั่วโมงแห่งการหลับไหล

เพิ่งจะรู้นะเนี่ยเดี๋ยววันนี้ต้องรีบเข้านอนตอน 5 ทุ่มซะแล้ว อิอิ รู้อย่านี้ก็อย่านอนดึกตื่นสายกันนะจ๊ะ ร่างกายของเรามันจะได้ทำงานได้อย่างปกติ เพื่อสุขภาพที่ดี

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

โรคที่เกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์


สำหรับคนที่ชอบเล่นคอมพิวเตอร์หรือมีความจำเป็นที่จะต้องใช้คอมพิวเตอร์อยู่เป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ อาจจะต้องเผชิญกับโรคที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายทั้งทางตรงและทางอ้อมมากมากหลายโรค


วันนี้ก็มีสาระความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับโรคที่อาจเกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ มาฝาก กันค่ะ


โรคแรกที่มักจะพบกันบ่อยๆ แต่ หลายคนอาจจะไม่รู้ตัวก็คือ 'โรค Cumulative Trauma Disorders' (ความผิดปกติจากอุบัติภัยสะสม) อาการของโรคจะค่อยเป็นค่อยไป จะมีอาการปวดคอ ไหล่ ข้อมือ และหลัง ผู้ที่เป็นมากๆ อาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น อาการชาที่มือ อาการของโรคพวกนี้แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ระยะแรกเป็นแล้วหายเมื่อได้พัก ระยะสองคือ มีอาการต่อเนื่องถึงกลางคืน และหายเมื่อได้พัก ระยะสามคือ เป็นตลอดเวลาไม่หายเมื่อได้พัก การรักษาคือ ต้องปรับพฤติกรรมการทำงานของตนเองก่อน หรือถ้าเป็นมากควรปรึกษาแพทย์ และควรเล่าประวัติการทำงาน ให้แพทย์ทราบสาเหตุที่แท้จริง แพทย์จึงจะรักษาเจาะจงเฉพาะที่ได้


โรคนี้มีความคล้ายกับโรคจากการทำงานซ้ำซาก ซึ่งนักกายภาพบำบัดอธิบายว่า พบมากในผู้ที่ทำงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ตลอดทั้งวัน มักจะมีอาการชาข้อมือ หรือที่เรียกว่า กลุ่มอาการอุโมงค์ข้อมือ (Carpal Tunnel Syndrome) เกิดเนื่องจากการใช้งานซ้ำๆ ที่บริเวณข้อมือ ทำให้เอ็นรอบๆ ข้อมือหนาตัวขึ้นแล้วไปกดเส้นประสาทที่วิ่งผ่าน ทำให้เกิดอาการชาและเจ็บได้ ซึ่งการรักษานอกจากทางกายภาพ โดยใช้ความร้อนทำให้บริเวณที่จับหนาตัวขึ้นนิ่มลงและยืดมันออก ทำให้อุโมงค์ที่เส้นประสาทลอดผ่านขยายตัวได้ แต่ถ้าผู้ที่เป็นมากๆ จะมีอาการชาจนกระทั่งกล้ามเนื้ออ่อนแรงลงไป การผ่าตัดคือ วิธีรักษาที่ดีที่สุด

ส่วนโรคต่อมาชื่อโรคนั้นอาจจะดูแปลกประหลาดอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว … 'โรคทนรอไม่ได้' (Hurry Sickness) มักจะเกิดกับผู้ที่เล่นอินเทอร์เน็ต ที่ทำให้กลายเป็นคนขี้เบื่อ หงุดหงิดง่าย ใจร้อน เครียดง่าย เช่น ทนรอเครื่องดาวน์โหลดนานๆ ไม่ได้ กระวนกระวาย หากมีอาการมากๆ ก็จะเข้าข่ายโรคประสาทได้ ท่านจึงควรปรับเปลี่ยนลักษณะงาน และพยายามควบคุมอารมณ์ตนเองไว้บ้าง มิฉะนั้นท่านจะเป็นคนที่เสียทั้งงานและเสียทั้งเพื่อนได้

'โรคภูมิแพ้' สำหรับโรคนี้นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยสตอก โฮล์ม ในสวีเดนพบว่า สารเคมีจากจอคอมพิวเตอร์ ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้ สารนี้มีชื่อว่า Triphenyl Phosphate ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ทั้งในจอวิดีโอ และคอมพิวเตอร์ สามารถก่อให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ เช่น คัน คัดจมูก และปวดศีรษะ ผลวิจัยพบว่า เมื่อจอคอมพิวเตอร์ร้อนขึ้นจะปล่อยสารเคมีดังกล่าวออกมา โดยเฉพาะหากสภาพภายในห้องทำงานที่มีเนื้อที่จำกัด เครื่องคอมพิวเตอร์อาจจะเป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้ ดังนั้น อากาศที่ดีจึงจำเป็นอย่างยิ่ง

ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่ากิจกรรมที่เรามองว่าเป็นกิจกรรมที่ผ่อนคลายความเครียดจะมีผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายของเราขนาดนี้ แบบนี้น้องๆ คนไหนที่ใช้คอมพิวเตอร์บ่อยๆ คงต้องระวังซะแล้วล่ะค่ะ
และนี่ก็คือเรื่องราวเตือนภัยในวันนี้นะคะ ถ้า คนไหนที่มีประสบการณ์เตือนภัยดีๆ

เตือนภัย : กาแฟไม่ได้ช่วยลดความอ้วน


ทางเลือกของคนที่ต้องการลดน้ำหนักในปัจจุบันมีอยู่มากมายหลายทาง “กาแฟลดน้ำหนัก” ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ปัจจุบันมีหลายคนหันมานิยม เนื่องจากเป็นวิธีการที่ง่าย สะดวก และค่าใช้จ่ายน้อย แต่ ทราบรึเปล่าคะว่า จริงๆ แล้วการดื่มกาแฟลดน้ำหนักก็มีข้อเสียเหมือนกัน



โดยข้อเท็จจริงดังกล่าวทางคณะกรรมการอาหารและยา ได้เปิดเผยว่าปัจจุบันพบการโฆษณาผลิตภัณฑ์กาแฟสำเร็จรูปจำนวนมากอวดอ้างสรรพคุณว่ามีผลในการลดน้ำหนัก ซึ่งเป็นการกล่าวอ้างและโอ้อวดสรรพคุณเกินจริงเพื่อจูงใจให้ซื้อผลิตภัณฑ์ โดยขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลการศึกษาวิจัยทางวิชาการยืนยันว่าสารดังกล่าวมีผลในการลดน้ำหนักหรือทำให้ผิวสวยหรือเพิ่มความงามแต่อย่างใด


ในทางกลับกันหากดื่มมากอาจทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ โดยน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นนั้นอาจเกิดจากการเติมน้ำตาล ครีม หรือนมในกาแฟ อีกทั้งทำให้หัวใจทำงานหนัก เนื่องจากได้รับกาเฟอีนมากเกินไป โดยเฉพาะในหากร่างกายของคนที่มีความไวต่อกาเฟอีน และที่ร้ายไปกว่านั้นบางคนอาจได้รับอันตรายจากการเจือปนของยาบางชนิดที่ลักลอบใส่ในผลิตภัณฑ์ เช่น ยาไซบูทรามีน จะทำให้เกิดผลข้างเคียง คือ ปวดศีรษะ ปากแห้ง นอนไม่หลับ ความดันโลหิตสูง หัวใจเต้นเร็วขึ้น เป็นต้น

ดังนั้นการที่จะบริโภคกาแฟลดน้ำหนักอย่างถูกวิธีและปลอดภัย ควรมีการปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อความปลอดภัย และที่สำคัญควรที่จะศึกษารายละเอียดของผลิตภัณฑ์ที่จะบริโภคให้ละเอียดรอบคอบให้ดีก่อนว่าได้รับการรับรองถูกต้องตามหลัก อย. หรือไม่ และเมื่อบริโภคแล้วจะมีผลกระทบใดเกิดขึ้นกับร่างกายบ้าง
และนี่ก็คือเรื่องราวเตือนภัยในสัปดาห์นนี้ค่ะ ถ้าคนไหนมีประสบการณ์เตือนภัยดีๆ ก็สามารถมาแลกเปลี่ยนกันได้ที่นีเลยค่ะ

"กระเทียม" ยาดีที่อยู่คู่ครัวทุกบ้าน


ถ้าเอ่ยถึง “กระเทียม”ก็คงจะนึกถึงพืชสมุนไพรที่มีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวกันใช่ไหมจ๊ะ ที่ถึงแม้กลิ่นของกระเทียมจะไม่หอมประทับใจ แต่ก็เป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มความอร่อยให้กับอาหารเกือบจะทุกจานเลยนะจ๊ะ และนอกจากนี้ยังมีประโยชน์ที่ซ่อนอยู่ในตัวมากมายอีกด้วย โดย......

กินเป็นประจำทำให้ผิวหนังสะอาด >> กระเทียมจะช่วยเข้าไปทำความสะอาดเลือด ทำให้ผิวหนังดูดีขึ้น และยังช่วยรักษาผิวหนังที่เป็นตุ่มแผล ด่างดำ สิว และฝี อีกด้วย

ช่วยลดความดัน >> การกินกระเทียมจะช่วยลดความดันโลหิตสูง เพราะจะช่วยเข้าไปขยายเส้นเลือดให้กว้างขึ้น

ป้องกันหลอดเลือด >> พืชสมุนไพรชนิดนี้สามารถป้องกันผนังหลอดเลือดไม่ให้หนาและแข็งตัวได้ เพราะกระเทียมจะช่วยเข้าไปยับยั้งการสร้างสารกรมโปเซนบี 2 ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้เลือดจับตัวเป็นก้อน และยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เป็นโรคความดันโลหิตสูงอีกด้วย

เห็นไหมจ๊ะว่า การกินกระเทียมนั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายของเรามากขนาดไหน
ดังนั้นก็ควรที่จะกินกระเทียมด้วยนะจ๊ะ
เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงของเรายังไงล่ะจ้ะ

วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ลดน้ำหนักด้วยการอาบน้ำ!!!


ช่วงเวลาที่สบายที่สุดของน้องๆ คือช่วงไหนจ๊ะ สำหรับพี่ปัดคิดว่าเป็นช่วง “อาบน้ำ” จ้ะ เพราะรู้สึกสบายตัวที่สุด แถมหลังจากอาบน้ำเสร็จก็ยังรู้สึกสดชื่นอีกด้วย แต่น้องๆ รู้กันรึเปล่าจ๊ะว่าสายน้ำที่เราใช้ทำความสะอาดส่วนต่างๆ ของร่างกายนั้น สามารถ “ช่วยลดหน้าท้อง” ได้ด้วย!!


โดยขั้นตอนแรกนั้นก็เหมือนกับการอาบน้ำทั่วไป แต่ที่พิเศษอยู่ที่ น้องๆ จะต้องเตรียมน้ำให้อยู่ในระดับ 40 องศาเซลเซียส หลังจากที่น้องเตรียมน้ำอุ่นไว้เรียบร้อยแล้ว ก็ให้นั่งคุกเข่าในน้ำในท่าตัวตรงยืดอก ใช้ฝ่ามือทั้งสองแนบบริเวณหน้าท้อง แล้วค่อยๆ ลูบลงเบาๆ ประมาณ 20 ครั้ง
หลังจากนั้นให้ใช้ฝ่ามือนวดบริเวณหน้าท้องในลักษณะวงกลมวนไปทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ประมาณ 20-30 ครั้ง เมื่อนวดเสร็จแล้วก็ใช้ฝักบัวฉีดน้ำอุ่นที่ปรับอุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อย บริเวณหน้าท้อง
การออกกำลังกายในขณะอาบน้ำด้วยวิธีนี้ จะช่วยทำให้หน้าท้องของน้องๆ กระชับมากขึ้นจ้ะ แต่ก็ต้องทำควบคู่ไปกับการออกกำลังกายและควบคุมอาหารด้วยนะจ๊ะ จะได้เห็นผลชัดเจน เห็นไหมจ๊ะว่าการอาบน้ำก็สามารถช่วยทำให้รูปร่างของน้องๆ สวยได้

วันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552


น้องๆ รู้ไหมว่า เมื่อเราอดนอนหรือนอนดึกติดต่อกันหลายคืน เราสามารถเรียกชั่วโมงการนอนที่เสียไปกลับมาได้ โดยเฉพาะน้องๆ ที่อดหลับอดนอนเพื่ออ่านหนังสือสอบ แชทกับเพื่อน อ่านนิยาย ดูละคร หรือทำอะไรก็ตามที่มีเหตุให้นอนดึกกว่าปกติ มาชดเชยการนอนด้วยวิธีนี้กัน


เมื่อไรก็ตามที่รู้ว่าต้องนอนดึกหรือต้องอดนอน... น้องๆ ควรนอนให้นานกว่าเดิมวันละ 1 ชั่วโมง เป็นเวลาอย่างน้อย 2-3 วันก่อนถึงเวลาต้องอดนอนจริงๆ เพื่อสะสมชั่วโมงการนอนไว้ และหลังจากที่ต้องอดนอนแล้ว ควรพยายามนอนให้ได้คืนละ 7-8 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อยค่ะ


หากว่าเราทำได้ จะทำให้ร่างกายของเราสดชื่น สมองปลอดโปร่ง และปราดเปรื่องแล้ว หน้าตายังบ้องแบ๊วสดใสอีกด้วย ใครที่อดนอนบ่อยๆ จนชิน ลองฝึกชดเชยชั่วโมงการนอนดูบ้าง จะพบว่า หน้าใสกิ๊ง สมองก็วิ๊งสุดๆ อีกด้วย ไม่เชื่อต้องลอง !!!


ส่วนคนที่ยังคงอดนอนต่อไปเรื่อยๆ โดยในหนึ่งสัปดาห์นอนดึกทุกวัน แถมยังไม่เพิ่มชั่วโมงการนอนเพื่อชดเชยชั่วโมงที่เสียไปอีกละก็ น้องๆ จะพบการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่มองเห็นได้ชัดเจนมาก นั่นคือ ขอบตาคล้ำ ถุงใต้ตาดำและบวม ผิวหน้าแห้งหยาบกร้านขาดความชุ่มชื้นสดใส และที่เพิ่มมาอย่างห้ามไม่ได้ก็คือ "พุง"


การนอนดึกหรืออดนอนเป็นประจำทำให้อ้วนได้อีกด้วย เพราะเมื่อต้องนอนดึกด้วยกิจกรรมอะไรก็ตาม วัยรุ่นวัยกำลังกินกำลังนอนและกำลังโตอย่างเราๆ นี่แหละค่ะ จะขาดของขบเคี้ยวหรือแม้แต่อาหารมื้อเบามื้อหนักไปไม่ได้ ยิ่งนอนดึกก็ยิ่งกินเก่ง แถมบางคนนอนดึกเพราะนั่งแช่ก้นอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ นั่นจะยิ่งทำให้สิ่งที่กินลงไปไหลลงไปสะสมพอกพูนอยู่ที่หน้าท้อง และต้นขา สุดท้ายสิ่งที่ตามมาคือ "อ้วน" เสียแล้ว...


ที่สำคัญ ยามที่สมองล้าจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ เมื่อถึงเวลาต้องกิน ไม่ว่าคนที่เคร่งครัดเรื่องอาหารการกินขนาดไหนก็ตาม มักจะขาดความยับยั้งชั่งใจไปได้ เราอาจจะเผลอกินสิ่งที่พยายามหลีกเลี่ยงมาตลอดอย่างแป้งและน้ำตาล เพื่อเพิ่มความกระตือรือร้นให้แก่ร่างกาย หรือคิดเพียงว่า อะไรก็ได้ กินไปเถอะ ง่วงจะแย่แล้ว...


สุดท้าย... เมื่ออดนอนนานๆ เข้า ไม่ว่าจะหยิบจับคิดอ่านอะไรก็ช้าล้าไปเสียหมดทั้งกายและใจ นั่งฟังเพื่อนคุยไป อาจารย์สอนไป ก็ "หาว" ไปเพลินๆ แบบนี้... นอกจากเป็นลักษณะนิสัยที่ไม่ดีแล้ว ยังเสียบุคลิกอีกด้วยนะคะ



แล้วอย่างนี้ เราจะอดนอนกันทำไม มาใช้หนี้การนอนกันดีกว่าค่ะ ^^

ผู้ติดตาม