ตัวเคลื่อนไหว

JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW

วันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

พระราชวังเครมลิน Kremlin กรุงมอสโค



พระราชวังเครมลิน ตั้งอยู่ที่กรุงมอสโค ประเทศรัสเซีย สร้างอยู่บนเนินเขาริมฝั่งแม่น้ำมอสควา ภายในมีพระราชวัง หอคอย และป้อมปราการ ซึ่งในอดีต เป็นที่ประทับของพระเจ้าซาร์กษัตริย์แห่งราชวงศ์รัสเซีย แต่ได้ถูกปฏิวัต ิเป็นคอมมิวนิสต์ และได้ใช้เป็นที่ทำการรัฐบาลเครมลิน เป็นชื่อ ของนักการเมือง พอระบบสังคมนิยม ล่มสลายเป็นประชาธิปไตย ก็ได้เปิดให้เป็น แหล่งท่องเที่ยว จนถึงปัจจุบัน
สถาปัตยกรรมของกรุงมอสโกนั้น พระราชวังเครมลินถือได้ว่าเป็นตัวอย่างที่ดีเลิศที่สุดในยุโรปยุคกลาง คำว่า "เครมลิน" มีความหมายว่า ป้อมปราการ มีความยาวล้อมรอบ 2,235 เมตร มีหอคอย 18 แห่ง (เพื่อป้องกันการรุกรานจากประเทศเพื่อนบ้าน) โดยมีการปรับปรุงต่อเติมมาเรื่อยๆ เริ่มจากใช้อิฐสีขาวเป็นรอบรั้วกั้นกำแพงแต่ในปัจจุบัน ได้เปลี่ยนมาเป็นอิฐสีแดง ซึ่งความสูงของหอคอยแตกต่างกันระหว่าง 28-71 เมตร เช่น
ภายในพระราชวัง แห่งนี้ประกอบด้วยปราสาท โบสถ์ วิหาร พิพิธภัณฑ์ คลังแสง อาวุธยุทธภัณฑ์ หอคอย ป้อมปราการ หอสูง ยอดแหลม และโดมมากมาย มีกำแพงสูง 65 ฟุตรอบพระราชวัง มีความยาวเกือบ 3 กิโลเมตร พระราชวังจักรพรรดิอยู่ตรงกลาง หอคอยอิวานเวลิกี้สูง 270 ฟุต เป็นที่แขวนระฆัง ของพระเจ้าโบริสดูนอฟ ผู้อยู่บนหอคอย จะสามารถมองเห็นทัศนียภาพ กรุงมอสโก ที่สวยงาม ได้อย่างชัดเจน บรรดาหอคอย หอสูง โดม ป้อมปราการเหล่านี้ เมื่อแสงพระอาทิตย์สาดมาต้อง จะเห็นเป็นสีทอง เปล่งปลั่ง สุกอร่าม งามตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก ประตูสำคัญ คือประตูโปรดชำระบาป ซึ่งพระเจ้าซาร์อะเล็กซิส โปรดให้สร้างเมื่อปีค.ศ. 1491 โปรดให้ติดโคมใหญ่ไว้บนยอดดวงหนึ่งประตูนี้เคยมีพระบรมราชโองการรับสั่งให้ผู้ผ่านเข้าออกต้องถอดหมวก แสดงความเคารพ ผู้ฝ่าฝืนจะต้องถูกจับประหารชีวิต ถัดไปไม่ไกลมีมหาวิหารอัครเทวทูตซึ่งมีที่ตกแต่งไว้อย่างงดงาม เพื่อใช้เป็นสุสานฝังพระศพของพระเจ้าซาร์ทุกพระองค์ นอกจากนี้ยังมีโบสถ์อัสสัมชัญซึ่งสร้างไว้อย่างประณีตบรรจงเป็นพิเศษ

วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ประเทศฝรั่งเศส


ประเทศฝรั่งเศส หรือ สาธารณรัฐฝรั่งเศส (République française) เป็นประเทศที่มีศูนย์กลางตั้งอยู่ในภูมิภาคยุโรปตะวันตก ทั้งยังประกอบไปด้วยเกาะและดินแดนอื่นๆ ในต่างทวีป ประเทศฝรั่งเศสแผ่นดินใหญ่ทอดตัวตั้งแต่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจนถึงช่องแคบ อังกฤษและทะเลเหนือ และจากแม่น้ำไรน์จนถึงมหาสมุทรแอตแลนติก ชาวฝรั่งเศสมักเรียกแผ่นดินใหญ่ว่า หกเหลี่ยม (L'Hexagone) เนื่องจากรูปทรงทางกายภาพของประเทศ ประเทศฝรั่งเศสปกครองด้วยระบอบกึ่งประธานาธิบดี โดยยึดอุดมการณ์จากปฏิญญาว่าด้วยสิทธิของมนุษย์และของพลเมือง


ประเทศ ฝรั่งเศสมีพรมแดนติดกับประเทศเบลเยียม ลักเซมเบิร์ก เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี โมนาโก อันดอร์ราและสเปน และเนื่องจากประเทศฝรั่งเศสมีดินแดนโพ้นทะเลไว้ในครอบครอง ทำให้มีอาณาเขตติดกับประเทศบราซิลและซูรินาเม (ติดกับเฟรนช์เกียนา) และหมู่เกาะอินดีสเนเธอร์แลนด์ตะวันตก (ติดกับแซงต์-มาร์แตง) อีกด้วย นอกจากนั้นประเทศฝรั่งเศสยังเชื่อมกับสหราชอาณาจักรทางอุโมงค์ช่องแคบอังกฤษ อีกด้วย


เมืองหลวง ปารีส, เนื้อที่ 551,695 ตร.กม., ประชากร 64.1 ล้านคน, ใช้ภาษาฝรั่งเศส, สกุลเงิน ยูโร (EUR)

สเปน


สเปน (สเปน: España) หรือชื่อทางการคือ ราชอาณาจักรสเปน (สเปน: Reino de España)[4] เป็นประเทศทางตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปยุโรป ตั้งอยู่บนคาบสมุทรไอบีเรียร่วมกับโปรตุเกสและอันดอร์รา สเปนมีพรมแดนติดกับฝรั่งเศสทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือตามแนวเทือกเขาพิเรนีส


เมืองหลวง มาดริด, เนื้อที่ 504,030 ตร.กม., ประชากร 45.2 ล้านคน, ภาษา สเปน, สกุลเงิน ยูโร (EUR)

ตุรกี (Turkey)


ตุรกี (Turkey) (ตุรกี: Türkiye [ตืร์กีเย]) หรือชื่อทางการว่า สาธารณรัฐตุรกี (Republic of Turkey) เป็นประเทศที่มีดินแดนทั้งในบริเวณเธรซ บนคาบสมุทรบอลข่านในยุโรปตอนใต้ และคาบสมุทรอานาโตเลียในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ตุรกีมีพรมแดนทางด้านทิศตะวันออกติดกับประเทศจอร์เจีย อาร์เมเนีย อาเซอร์ไบจาน และอิหร่าน มีพรมแดนทางด้านทิศใต้ติดกับอิรัก ซีเรีย และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ส่วนทางทิศตะวันตกติดกับกรีซ บัลแกเรีย และทะเลอีเจียน ทางเหนือติดกับทะเลดำ ส่วนที่แยกอานาโตเลียและแทรสออกจากกันคือทะเลมาร์มารา และช่องแคบตุรกี (ช่องแคบบอสฟอรัสและช่องแคบดาร์ดาเนลเลส) ซึ่งมักถือเป็นพรมแดนระหว่างทวีปเอเชียกับยุโรป จึงทำให้ตุรกีเป็นประเทศที่มีดินแดนอยู่ในหลายทวีป


เมืองหลวง อังการา (อิสตันบูล เป็นเมืองใหญ่ที่สุด) เนื้อที่ 780,580 ตร.กม. ประชากร 73.2 ล้านคน, ใช้ภาษา ตุรกี เป็นภาษาราชการ, สกุลเงิน ลีราตุรกี (TRY)

ญี่ปุ่น


ญี่ปุ่น มีเนื้อที่กว่า 377,835 ตารางกิโลเมตร นับเป็นอันดับที่ 62 ของโลก หมู่เกาะญี่ปุ่นประกอบไปด้วยเกาะน้อยใหญ่กว่า 3,000 เกาะ เกาะที่ใหญ่ที่สุดก็คือเกาะฮนชู ฮกไกโด คิวชู และ ชิโกกุ ตามลำดับ เกาะของญี่ปุ่นส่วนมากจะเป็นหมู่เกาะภูเขา ซึ่งในนั้นมีจำนวนหนึ่งเป็นภูเขาไฟ เช่นภูเขาไฟฟูจิ ภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศ เป็นต้น


ประชากรของญี่ปุ่นนั้นมีมากเป็นอันดับที่ 10 ของโลก คือประมาณ 128 ล้านคน เมืองหลวงของญี่ปุ่นคือกรุงโตเกียว ซึ่ง ถ้ารวมบริเวณปริมณฑลเข้าไปด้วยแล้วจะกลายเป็นเขตเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ มีประชากรอยู่อาศัยมากกว่า 30 ล้านคน ภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาราชการ ใช้เงินสกุลเยน.

ประเทศชิลี


ประเทศชิลี มีชื่อทางการว่า สาธารณรัฐชิลี (สเปน: República de Chile (ข้อมูล)) เป็นประเทศในทวีปอเมริกาใต้ มีเนื้อที่ติดชายฝั่งทะเลยาวระหว่างเทือกเขาแอนดีสกับมหาสมุทรแปซิฟิก มีอาณาเขตจรดประเทศอาร์เจนตินาทางทิศตะวันออก จรดโบลิเวียทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และจรดเปรูทางทิศเหนือ ชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกทางตะวันตกของประเทศมีความยาว 6,435 กิโลเมตร ชิลีมีดินแดนในมหาสมุทรแปซิฟิก โดยครอบครองหมู่เกาะควนเฟร์นันเดซ เกาะซาลาอีโกเมซ หมู่เกาะเดสเบนตูราดัส และเกาะอีสเตอร์ในโพลินีเซีย ชิลียังอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนในแอนตาร์กติกาด้วย


เมืองหลวง ซัน ติเอโก (เป็นเมืองใหญ่ที่สุดด้วย) ประชากร 16.4 ล้านคน เนื้อที่ทั้งหมด 756,950 ตร.กม. สกุลเงิน เปโซชิลี ใช้ภาษาเสปนเป็นภาษาราชการ

โปแลนด์























โปแลนด์ - ประเทศที่มีหัวใจเอื้ออาทรที่สุดในยุโรปโปแลนด์เป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมแบบผสมผสานและมีสิ่งดึงดูดใจมากมายจะพบทุกสิ่งทุกอย่างได้ที่นี่ภูมิประเทศแบบเทือกเขาอัลไพน์ ชายหาดกว้าง ทะเลสาบใสสะอาด ป่าใหญ่ อนุสาวรีย์ทางประวัติศาสตร์ที่มีชื่อในระดับโลกประชาชนที่เปี่ยมไปด้วยมิตรไมตรี เริ่มต้นที่ภาคเหนือซึ่งมีผู้อยู่อาศัยเกือบครึ่งล้าน กดังส์ (Gdansk) เมืองศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และแหล่งท่องเที่ยว ตั้งอยู่ริม ฝั่งทะเลโปแลนด์ ขอบคุณที่ได้ร่างต้นฉบับแบบเมืองไว้ตั้งแต่ปีค.ศ. 1343 (พ.ศ.1886) ชาวโปลจึงได้สร้างเมืองขึ้นใหม่ตามแบบสถาปัตยกรรมในร่างต้นฉบับเมืองเดิมเป็นผลสำเร็จหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ศูนย์กลางของเมืองมี 3 ส่วน ภายในเขตกำแพงเมือง ท่านจะได้พบกับถนนที่มีเสน่ห์ที่สุดของยุโรปตอนเหนือได้ที่นี่ สถานที่มีคุณค่าควรแก่การไปเยี่ยมชมคือโบสถ์ใหญ่ศิลปะแบบโกธิคมีชื่อว่าโบสถ์เซนต์ แมรี่ สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1502 (พ.ศ. 2045) จุผู้ที่มาเยียมชมได้ถึง 25000 คน


เมืองกดังส์

ยังเป็นสถานที่กำเนิดของยุโรปกลางใหม่สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงได้พัดผ่านที่นี่ด้วยการก่อหวอดสไตรค์ของคนงานจากอู่ต่อเรือเลนิน และต่อมาได้มีการจัดตั้งกลุ่มโซลิดาริตี้ นำโดยนายเลคาเวนซา นับเป็นแห่งแรกที่การดำเนินการเรียกร้องใดๆของกลุ่มคนงานสามารถทำได้อย่างเสรี ด้วยเหตุนี้เมืองกดังส์จึงถูกขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งเสรีภาพวงแหวนของเมืองเต็มไปด้วยเสียงเซ็งแซ่หลากหลายภาษาของนักท่องเที่ยวที่มาจากทุกมุมโลก นอกจากนี้ กดังส์ก็ยังเป็นเมืองท่าสำคัญจนถึงทุกวันนี้ มีเรือยอร์ชจากทั่วโลกที่ทอดสมอ ณ ท่าเรือใจกลางเมืองเก่า ตลอดความยาว 23 กิโลเมตรของชายหาดที่สะอาดตาแน่นขนัดไปด้วยผู้คนที่กระตือรือล้นต่อการมาท่องเที่ยวพักผ่อนที่ท้องทะเล มีเขตที่อนุญาตให้ลงเล่นน้ำ 3 แห่งและมีท่าเรือขนาด 130 เมตร เป็นเวลาแรมปี เมืองหลวงแห่งแคว้นพอเมอเรเนีย (Pomerania) เป็นที่จัดประชุมระดับนานาชาติที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก การประชุมเกี่ยวกับการจัดทำแผนนโยบาย การประชุมของนักธุรกิจ นักวิทยาศาสตร์ ศิลปิน ตลอดจนผู้นำที่สำคัญๆอีกมากมายในสาขาต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง งานโดมินิกันแฟร์ (The Dominican Fair) ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 1260 (พ.ศ.1803) มีผู้ที่มาร่วมงานประกอบด้วยพ่อค้า ศิลปิน และแขกอื่นๆจากทั่วยุโรปจำนวนหลายพันคนวอร์ซอ เมืองหลวงที่มีความตื่นตาตื่นใจในแง่บวก ไม่ว่าท่านจะมาวอร์ซอด้วยวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ การประชุมสัมนา หรือการท่องเที่ยว ท่านจะไม่รู้สึกเบื่อเลย ทุกคนจะเจอสิ่งที่เหมาะกับตนเอง ไม่ว่าความสนใจของเขาจะเป็นอะไรก็ตาม ด้วยใจจริงวอร์ซอมีค่าควรแก่การที่ท่านจะได้มาทำความรู้จักซึ่งหลังหลังจากนั้นท่านจะตกหลุมรักเมืองนี้อย่างแน่นอน ‘วอร์ซอ'เมืองที่มีหัวใจเอื้ออาทรของยุโรปเต็มไปด้วยตึกรามทางประวัติศาสตร์ทั้งเก่าและใหม่ ที่ไม่ธรรมดา อาคารนำสมัยที่สร้างถัดจากยุคสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ ทำด้วยแผ่นกระจกและโลหะ เมื่อท่านได้เดินเล่นทอดน่องในกรุงวอร์ซอ ท่านจะแน่ใจได้เลยว่านี่คือเมืองที่จะได้รับการเลือกสรรและน่าสนใจของยุโรป


การบูรณะเมืองเก่าหลังสงครามซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในส่วนของยุโรปได้รับความชื่นชมอย่างมากจากองค์การยูเนสโก ในปี 1980 (พ.ศ.2523) ส่วนประกอบทั้งหมดบริเวณใจกลางเมืองเก่าถูกรวมเข้าไปในบัญชีรายชื่อมรดกโลก ในด้านสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรม อาคารที่สวยงามที่สุดของกรุงวอร์ซอตั้งอยู่บนถนนสายประวัติศาสตร์สายเดียวกับเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน บ้านพักอาศัย พระราชวัง โบสถ์ และอนุสาวรีย์ ตลอดจนที่ทำการรัฐบาลและสถาบันการศึกษาขั้นสูง



หากท่านเชื่อว่าวิธีที่ดีที่จะทำความรู้จักสถานที่คือการที่ได้ชิมอาหารพื้นเมืองแล้วละก็ ไม่มีอะไรเหมาะสมไปกว่าการรับประทานอาหารในกรุงวอร์ซอ มีภัตตาคารอยู่มากมายที่พร้อมเสริฟอาหารโปแลนด์ที่แสนเอร็ดอร่อย นอกจากนี้ก็มีอีกหลายแห่งเปิดบริการอาหารนานาชาติพื้นที่สีเขียวคิดเป็นร้อยละ 21 ของตัวเมือง สถานที่สวยงามและดึงดูดใจมากคือบริเวณสวนใน อุทยานพระราชวังหลวงวาเชนกิ และวิลานูฟ นอกจากนี้ท่านยังสามารถใช้เวลาไปกับการจับจ่ายใช้สอยที่ช็อปปิ้งมอลล์แห่งใดแห่งหนึ่งของกรุงวอร์ซอ ซึ่งเราสงสัยว่าท่านจะมีเวลามากพอจะไปช็อปปิ้งมอลล์ได้ครบทุกแห่งหรือไม่ไม่ว่าใครก็สามารถจะตกหลุมรักกรุงวอร์ซอ การมาเยือนเพียงครั้งเดียวไม่เพียงพอแน่นอน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มีความกระตือรือล้นที่จะกลับมาค้นหาประสพการณ์อันมีค่าอีกครั้งคราครูฟ เมืองที่มีการผสมผสานของสถาปัตยกรรม แบบนีโอคลาสสิซึ่ม, แบบเรอเนซองส์, แบบโกธิค, แบบบาร็อค และแบบเบลลา อีโปค์ ด้วยกันอย่างกมลกลืนและน่ามหัศจรรย์ จึงเป็นเรื่องที่ไม่แปลกเลยว่า ทำไมคราครูฟจึงเป็นเมืองแรกๆที่ถูกบันทึกลงใน บัญชีรายชื่อมรดกโลกที่สำคัญในด้านวัฒนธรรม
จุดนัดพบที่สำคัญในเมืองคราครูฟ คือตลาดนัดรีเน็ค โกลนี่ ซึ่งถือว่าเป็นตลาดนัดที่ใหญ่ในยุโรป มันถูกรายล้อมด้วยร้านกาแฟ, ผับ, ร้านอาหารต่างๆ และอาคารที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ โดยมีจุดเด่นที่ห้างสรรพสินค้าที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรปชื่อ ซูเคียนนีส ที่ที่คุณสามารถหาซื้อทุกอย่างดังใจปรารถนา เพื่อเป็นของที่ระลึกจากประเทศโปแลนด์คราครูฟครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของประเทศโปแลนด์และมีเมืองเก่าของยิว ที่ชื่อว่าคาซีเมียส ซึ่งตั้งอยู่ไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองด้วยเหตุที่ว่าเป็นเมืองที่มีสภาพดีเลิศในการจัดการท่องเที่ยวคราครูฟจึงถือได้ว่าเป็นชีวิตกลางคืนของโปแลนด์ นอกเหนือจากอาหารนานาประเทศมากมายที่มีให้เลือกสรร คุณยังสามารถออกไปเต้นรำ ฟังเพลงได้เพราะเมืองคราครูฟไม่เคยหลับไหลวิลิชก้า เหมืองเกลือที่มีชื่อเสียงของโลก



ในรายชื่อสถานที่มรดกโลกขององค์การยูเนสโกมีชื่อของวิลิชก้าซึ่งเป็นเหมืองเกลือใต้ดินที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกที่ยังคงดำเนินกิจการเหมืองรวมอยู่ด้วย วิลิชก้าอยู่ห่างตัวเมืองคราครูฟไปประมาณ 30 กิโลเมตร เส้นทางท่องเที่ยวที่วกวนใต้ดินผ่านห้องที่จัดแสดงและถ้ำขนาดใหญ่ที่แกะสลักจากหินเกลือในลักษณะพิเศษเฉพาะ โบสถ์ขนาดเล็ก เซนต์ คิงก้า ที่อยู่ลึกลงไป 101 เมตร จัดเป็นห้องที่สวยงามที่สุด ประดับตกแต่งด้วยโคมไฟที่ทำมาจากหินเกลือคริสตัล และยังมีการแกะสลักหินเกลือสีเทาแบบนูนต่ำ
นอกจากนี้เหมืองใต้ดินวิลิชก้ามีสถานที่พักฟื้นสำหรับผู้ป่วย ในส่วนของพิพิธภัณฑ์ก็ได้จัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ อุปกรณ์ในการทำเหมืองเกลือ ตลอดจนเอกสารสำคัญต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกับประวัติของเหมืองเกลือแห่งนี้ วรอสวาฟ จุดนัดพบของประเทศโปแลนด์ วรอสวาฟเป็นเมืองหลวงของเซลีเซียสตอนล่างและถือว่าเป็นที่นัดพบสำคัญในทวีปยุโรป ความหลากหลายและการเปี่ยมล้นด้วยวัฒนธรรมของประวัติศาสตร์ในเมืองนี้ เป็นดังสะพานเชื่อม ที่เชื่อมระหว่างคนในแต่ละรุ่น แต่ละวัฒนธรรมเข้าด้วยกัน บรรยากาศของเมืองนี้เป็นแบบเมืองที่ทันสมัยของเมืองใหญ่ ที่มีพื้นฐานทางประวัติศาสตร์ ชีวิตที่เต็มด้วยวัฒนธรรมและการศึกษา


มากไปกว่านั้น เมืองวรอสวาฟใกล้เขตชายแดนของสองประเทศ นั่นคือชายแดนติดกับสาธารณะรัฐเช็ก และชายแดนติดกับประเทศเยอรมันนี วรอสวาฟตั้งอยู่ห่างเมืองเบอร์ลิน 350 กิโลเมตร, ห่างจากเมืองปราก 280 กิโลเมตร, ห่างจากเมืองเวียนนา 390 กิโลเมตร และห่างจากเมืองวอร์ซอ 340 กิโลเมตร ด้วยเหตุนี้จึงทำให้วรอสวาฟเป็นจุดนัดพบที่เหมาะสมทั้งในระดับท้องถิ่น, ระดับประเทศ และนานาชาติความสะดวกในการเดินทาง ไปสู่แถบประเทศอื่นๆ จึงเป็นที่ถูกใจไม่เพียงแต่นักท่องเที่ยว แต่รวมถึงนักลงทุน ที่มาเยี่ยมเยียนวรอสวาฟ และทัศนียภาพที่รายล้อมด้วยผู้คนมากมาย
โปแลนด์ มีแหล่งทรัพยากรป่าใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป ดังเช่น วนอุทยานแห่งชาติเบียโลวิซซ่า, ภูเขาเทตรา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของภูเขาคาภาตี้, อีกทั้งปราสาทหลายๆแห่งในประวัติศาสตร์ยุคกลาง และสถานที่สวยงามมากมาย ที่คุณสามารถใช้เวลาอย่างเพลิดเพลินในหลายรูปแบบ ตัวอย่างเช่น เล่นสกีในฤดูหนาว เล่นกอล์ฟในฤดูร้อน และผู้จัดการประชุมส่วนมากชอบจัด ขี่ม้าและตกปลาเป็นกิจกรรมสุดสัปดาห์ให้แก่ผู้เข้าร่วมประชุมท่าอากาศยานโปแลนด์ สามารถต่อเที่ยวบิน ไปสู่ประเทศอื่นๆมากกว่า 30 ประเทศ ซึ่งดำเนินการโดย 25 สายการบิน ดังเช่น บริติช แอร์เวย์, เอส เอ เอส, แอร์ฟราซ และลุฟฮันซ่า โปแลนด์ยังมีการบินตรงสู่ประเทศภูมิภาคอื่นๆ เช่น อเมริกา, แคนาดา, อิสราเอล และไทย มากไปกว่านั้นโปแลนด์ยังร่วมกับยูเครนเป็นเจ้าภาพฟุตบอลยูโรเปียน แชมป์เปี้ยนชิฟ ยูโร2012กิจกรรมมากมาย อีกทั้งการอำนวยความสะดวกที่เป็นเอกลักษณ์ ที่ทำให้ประเทศโปแลนด์เป็นที่น่าพิจารณาอีกแห่งสำหรับคุณ ในการนัดพบครั้งต่อไป เงินช่วยเหลือในการจัดการท่องเที่ยว หรือวันหยุดของครอบครัว ที่พักมากกว่าห้าแสนแห่ง ร้านอาหารหลายพันแห่ง การพักผ่อนและความบันเทิง มากกว่าพันรูปแบบ สิ่งเหล่านี้รอคุณอยู่โปแลนด์จึงเป็นที่ที่คุณควรมาเยือนอย่างยิ่ง

Prague สาธารณรัฐเช็ก


Prague สาธารณรัฐเช็ก อีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับสถานที่โรแมนติก ก็คือ เมือง Prague ของสาธารณรัฐเช็ก สถานที่แห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องอาหาร
อร่อย วัฒนธรรม และปราสาทเก่าแก่ ผู้คนที่มีมิตรไมตรี และสุภาพอ่อนโยน เมือง Prague เป็นสถานที่เกิดของนักดนตรีระดับโลก อย่าง Mozart และมีชื่อเสียง ในเรื่องของทางเดินอันสวยงามในเมือง ที่คู่รักสามารถใช้เวลาเดินเล่นด้วยกัน

Schloss Neuschwanstein ประเทศเยอรมันนี


Schloss Neuschwanstein ประเทศเยอรมันนี สถานที่ที่ผสมผสาน ความสวยงามตามธรรมชาติ เข้ากับจินตนาการ และความสร้างสรรค์ของมนุษย์ ได้อย่างลงตัว เมือง SchlossNeuschwanstein มีความสวยงาม ราวกับเป็นสวรรค์บนพื้นโลก รายล้อมไปด้วยทิวทัศน์อันสวยงาม ปราสาทเก่าแก่อายุ 100 กว่าปี (สร้างปี 1899) ซึ่งเยอรมัน ได้ถูกกล่าวขานว่า เป็นอีกประเทศหนึ่ง ที่มีปราสาทสวยงามที่สุดในยุโรป

ประเทศ อิตาลี


อิตาลี (อิตาลี: Italiana) มีชื่ออย่างเป็นทางการคือ สาธารณรัฐอิตาลี (Italian Republic) (ภาษาอิตาลี: Repubblica Italiana) เป็นประเทศในทวีปยุโรป บริเวณยุโรปใต้ ตั้งอยู่ในคาบสมุทรอิตาลีที่มีรูปทรงคล้ายรองเท้าบูต และมีเกาะ 2 เกาะใหญ่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน คือ เกาะซิซิลี และ เกาะซาร์เดนญา และพรมแดนตอนเหนือแบ่งประเทศโดยเทือกเขาแอลป์ กับประเทศฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรีย และสโลวีเนีย ประเทศอิตาลีเป็นประเทศสมาชิกก่อตั้งของสหภาพยุโรป เป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติ นาโต และกลุ่มจี 8


มีประเทศอิสระ 2 ประเทศ คือ ซานมารีโนและนครรัฐวาติกัน เป็นดินแดนที่ล้อมรอบไปด้วยพื้นที่ของอิตาลี ในขณะที่เมืองกัมปีโอเนดีตาเลีย (Campione d'Italia) เป็นดินแดนส่วนแยกของอิตาลีที่ถูกล้อมรอบด้วยพื้นที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์


เมืองหลวง โรม, เนื้อที่ 301,338 ตร.กม., ประชากร 60.1 ล้านคน, ใช้ภาษา อิตาลี, สกุลเงิน ยูโร

อัมสเตอร์ดัม ในประเทศเนเธอร์แลนด์



อัมสเตอร์ดัม (Amsterdam) เป็นเมืองหลวงของประเทศเนเธอร์แลนด์ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอัมสเทล (Amstel) เริ่มก่อตั้งประมาณคริศต์ศตวรรษที่ 12 ปัจจุบันเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของเนเธอร์แลนด์ มีประชากรในเขตตัวเมืองประมาณ 742,000 คน แต่ถ้านับรวมประชากรในเขตเมืองโดยรอบทั้งหมด จะมีประมาณ 1.5 ล้านคน (ข้อมูลปี 2005)


อัมสเตอร์ดัมเป็นเมืองศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของทวีปยุโรป โดยเฉพาะช่วงคริสต์สตวรรษที่ 17 ซึ่งเป็นช่วงยุคทองของเนเธอร์แลนด์


ถึงแม้อัมสเตอร์ดัมจะเป็นเมืองหลวงของประเทศ แต่ศูนย์กลางของหน่วยงานรัฐบาลนั้นอยู่ที่ เฮก

วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เทศกาลปามะเขือเทศ


เทศกาลปามะเขือเทศ
สถานที่: บูโนล ประเทศสเปน
ช่วงเวลา: วันพุธสุดท้ายของเดือนสิงหาคมสเปน
อาจเรียกได้ว่าเป็นเมืองแห่งงานปาร์ตี้ของโลก เทศกาลปามะเขือเทศจัดขึ้นทุกวันพุธสุดท้ายของเดือนสิงหาคม ในบูโนลเมืองบาเลนเซีย เทศกาลนี้มีสืบทอดต่อกันมาเป็นระยะเวลากว่า 60 ปีแล้ว เป็นเทศกาลต่อสู้ด้วยอาหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก จัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่นักบุญประจำเมืองและกินระยะเวลา 1 สัปดาห์ ภายในงานจะมีพลุ ขบวนพาเหรด และการแข่งขันทำอาหาร แต่อะไรก็ไม่ได้รับความสนใจเท่าการปามะเขือเทศ รถบรรทุกมะเขือเทศราว 140 ตันจะขับเข้ามาจอดในเมืองในตอนเช้า เมื่อพลุสัญญาณดังขึ้นก็ได้เวลาสำหรับการศึกปามะเขือเทศ หลังจากนั้น 1 ชั่วโมง พลุจะถูกยิงขึ้นฟ้าอีกครั้งเพื่อเป็นสัญญาณการยุติสงครามมะเขือเทศ และรถบรรทุกน้ำก็จะเข้ามาทำความสะอาด ผู้เข้าร่วมงานควรสวมแว่นตาและถุงมือ และจำกฎหลักไว้ให้มั่น นั่นคือ บีบมะเขือเทศให้เละก่อนปา

พิพิธภัณฑ์คาปิโตลิเน


พิพิธภัณฑ์คาปิโตลิเน (ภาษาอิตาลี: Musei Capitolini; ภาษาอังกฤษ: Capitoline Museums) เป็นกลุ่มพิพิธภัณฑ์ศิลปะและโบราณคดีที่ตั้งอยู่ที่เนเปิลส์ในประเทศอิตาลี “พิพิธภัณฑ์คาปิโตลิเน” ตั้งอยู่ในพาลัซโซสามพาลัซโซรอบจตุรัสที่ผังที่ออกแบบโดยไมเคิล แอนเจโล ในปี ค.ศ. 1536 และสร้างต่อมาอีก 400 ปี ประวัติของพิพิธภัณฑ์เริ่มมาตั้งแต่ปี ค.ศ. เมื่อสมเด็จพระสันตะปาปาซิกส์ตุสที่ 4 อุทิศงานสะสมบรอนซ์ให้แก่ประชาชนชาวโรมและตั้งอยู่บนเนินคาปิโตลิเน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมางานสะสมก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ที่รวมทั้งประติมากรรมโรมันโบราณ, ศิลปะจากยุคกลางและยุคเรอเนซองต์, งานสะสมอัญมณี, เหรียญ และอื่นๆ ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์เป็นของและบริหารโดยรัฐบาลโรม

วันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

Y2K

Y2K คืออะไร
คำตอบสั้นๆคือคำย่อของ Year 2000 ซึ่งหมายถึงปี ค.ศ. 2000 โดย Y ย่อมาจากคำว่า Year K เป็นหน่วยในการวัดค่าต่างๆ ในระบบเมตริก มีค่าเท่ากับ 1000 2K จึงมีค่า 2x1000 เท่ากับ 2000 ดังนั้น Y2K ก็คือ Year 2000 นั่นเอง ปัญหา Y2K คืออะไรกันแน่ ปัญหา Y2K คือปัญหาซึ่งจะเกิดขึ้นกับระบบคอมพิวเตอร์และเครื่องมือทุกชนิดที่มี ส่วนควบคุมเป็น Micro Chip ซึ่งมีการทำงานต่างๆขึ้นกับวันและเวลาในตัว Micro Chip ที่เราเรียกว่า Real Time Clock (RTC) หากอุปกรณ์ใดก็ตามที่ไม่ได้ใช้วันและเวลาในตัว Micro Chip ในการทำงานหรือใช้เฉพาะเวลาเพียงอย่างเดียวจะไม่ได้รับผลกระทบจาก ปัญหา Y2K เลย ปัญหา ค.ศ. 2000 นอกจากจะเรียกว่า Y2K Bug แล้วยังมีชื่ออื่นอีก เช่น Millennium Bug เป็นต้น


ต้นเหตุของปัญหา Y2K

1. การเก็บข้อมูลปี ค.ศ. เฉพาะแค่ 2 หลักท้ายแทนที่จะเก็บเต็ม 4 หลัก โดยถือว่า 2 หลักหน้าคือ 19 เสมอ เช่น 1998 จะเก็บแค่เพียง 98 ดังนั้นข้อมูล ในระบบจึงมีค่าอยู่ในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1900-1999 เท่านั้น เมื่อถึงปี ค.ศ. 2000 คอมพิวเตอร์ยังคงถือว่า 2 หลักหน้าคือ 19 อยู่เหมือนเดิม เมื่อป้อนปีเป็น 00 ซึ่งหมายถึงปี ค.ศ. 2000 คอมพิวเตอร์ยังคงตีความว่าเป็นปี ค.ศ. 1900 เหมือนเดิม คังนั้นการคำนวณเกี่ยวกับระยะเวลา เช่น การคำนวณอายุ การคำนวณระยะเวลา การชำระหนี้และการเรียงลำดับข้อมูลจึงผิดพลาดหมด ตัวอย่าง การคำนวณอายุคนเกิดปี ค.ศ. 1960

การคำนวณอายุที่ผิดพลาด
ค.ศ. 1998 อายุ 1998 -1960 = 38 ปี หรือ อายุ 98 - 60 = 38 ปี
ค.ศ. 1999 อายุ 1999 -1960 = 39 ปี หรือ อายุ 99 - 60 = 39 ปี
ค.ศ. 2000 อายุ 1900 -1960 = -60 ปี หรือ อายุ 00 - 60 = -60 ปี

การคำนวณอายุที่ถูกต้อง
ค.ศ. 1998 อายุ 1998 -1960 = 38 ปี
ค.ศ. 1999 อายุ 1999 -1960 = 39 ปี
ค.ศ. 2000 อายุ 2000 -1960 = 40 ปี

2. การคำนวณปีอธิกสุรทิน (Leap Year) ไม่ถูกต้องทำให้เดือนกุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 2000 มีเพียง 28 วันเท่านั้น ทำให้การคำนวณหาวันที่ในปี (Day of Year) หลังเดือนกุมภาพันธ์ผิดพลาดหมด กฎในการคำนวณ Leap Year ที่ถูกต้องคือ

1. ปีที่หารด้วย 4 ลงตัวจะเป็นปีอธิกสุรทิน
2. ปีที่หารด้วย 100 ลงตัวจะไม่เป็นปีอธิกสุรทิน
3. ปีที่หารด้วย 400 ลงตัวจะเป็นปีอธิกสุรทิน

หากสลับกฏข้อ 2 และกฎข้อ 3 จะทำให้การคำนวณปีอธิกสุรทินของ ปีค.ศ. 2000 ผิดพลาด ดังนั้นการคำนวณจะต้องทำให้ถูกต้องตามลำดับ Psodo Code การคำนวณปีอธิกสุรทิน (Leap Year Calculation)
if (year mod 4 == 0) and ((year mod 100 != 0) or (year mod 400 == 0))

{ use 29 for days in February } else { use 28 for days in February }

3. การใส่เลขซึ่งมีความหมายพิเศษ (Magic Number) ไว้ในโปรแกรม เช่นใส่ วันหมดอายุไว้เป็น 9/9/99 ทำให้โปรแกรมหมดอายุเมื่อถึงวันที่ 9 กันยายน 1999 เป็นต้น

4. การแทนวันและเวลาโดยการนับจากเวลาอ้างอิงในอดีต เช่น ระบบหาตำแหน่งด้วยดาวเทียม Global Posisioning System (GPS) จะใช้ตัวเลขขนาด 10 บิต(Bits) แทนค่าเวลาเป็นสัปดาห์ (Week) นับตั้งแต่เดือนมกราคม 1980 เป็นต้นมา ซึ่งจะแทนค่าได้ 1024 สัปดาห์ (Week) และจะ Roll Over ในวันที่ 21 สิงหาคม 1999 ระบบ Unix เก็บวันและเวลาโดยการแทนค่าวินาทีนับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 1970 ด้วยตัวเลขขนาด 32 บิต ซึ่งจะ Roll Over ในปี 2038 เป็นต้น

5. เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (Personal Computer - PC) ไม่น้อยกว่า 85 % ไม่สามารถ Roll Over จาก 1999-12-31 (31 ธ.ค. 1999) ไปเป็น 2000-01-01 (1 มกราคม 2000) ได้ โดยเครื่องจะตั้งวันที่กลับไปยังวันที่ ตัว BIOS ของเครื่องถูกสร้างขึ้นมา เช่น เป็น 1980-01-04 (4 มกราคม 1980) ในเครื่องรุ่นเก่าหรือ 1994-01-04 (4 มกราคม 1994) ในเครื่องรุ่นใหม่หลัง ปี 1995 เป็นต้นมา

6. วันในตัว Real Time Clock (RTC) ในอุปกรณ์ที่มี Micro Chip ควบคุม (Embedded System) ทุกชนิด จะกลับไปตั้งต้นที่ 1900-01-01 (1 มกราคม 1900) การคำนวณค่าต่างๆที่เกี่ยวข้องกับวัน เช่น วันในสัปดาห์ (Day of Week) สัปดาห์ในปี (Week of Year) และปีอธิกสุรทิน (Leap Year) จะคลาดเคลื่อนหมด เนื่องจาก 1900-01-01 (1 มกราคม 1900) ตรงกับวันจันทร์ แต่ 2000-01-01 (1 มกราคม 2000) ตรงกับวันเสาร์ และปี 2000 เป็นปีอธิกสุรทิน (Leap Year) แต่ปี 1900 ไม่ใช่ปีอธิกสุรทิน (Leap Year)

วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

"โฮเทลเดอกลาส"


"โฮเทลเดอกลาส" ในควิเบ็ก ประเทศแคนาดา แฟนเอเอสทีวีคงคุ้นเคยกับโรงแรมประเภทนี้มาบ้างแล้ว โรงแรมนี้เป็นโรงแรมน้ำแข็งที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านสเตแคทเธอรีน เดอลาฌาคส์ ห่างจากเมืองควิเบ็ก 35 กิโลเมตร มีห้องพัก 34 ห้องเปิดบริการในช่วงเวลาอันหนาวเหน็บจาก 4 มกราคม-4 เมษายน ปีหน้า(2010)

วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

วันตรุษจีน

ความรู้เกี่ยวกับ "วันตรุษจีน"
นับเป็นประเพณีนิยม ในวันตรุษจีน ที่เป็นวันขึ้นปีใหม่ของชนชาติจีนแผ่นดินใหญ่และพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีน นั่นแสดงว่าเป็นสัญญาณอันดีที่จะมีงานรื่นเริง การสวมใสเสื้อสีแดงสด อันเป็นสีที่เป็นศิริมงคลของพี่น้องชาวจีน อาจจะบอกดว่าเป็นวันครอบครัว ที่จะได้พบปะสังสรรค์ กินเลี้ยงอย่างมีความสุข ...อันเป็นวันที่เปี่ยมไปด้วยการให้ทาน การทำบุญทำกุศล หรือแม้กระทั่งที่วัดจีนประชาสโมสร ก็มีการจัดกิจกรรมสวดมนต์ทำทานในวันขึ้นปีใหม่ นำมาซึ่งความปิติ-มีความสุขเปี่ยมล้น มีผลทำให้มีกำลังใจในการต่อสู้ชีวิต ทำงาน-ค้าขายให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป...
ประวัติวันตรุษจีน หรือปีใหม่จีน
ประวัติของวันขึ้นปีใหม่ของจีนมีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ในวัฒนธรรมอื่นๆ ความปรารถนาสิ่งที่เราหวังว่าจะได้ปรับปรุง หรือที่เราคิดทำเมื่อเริ่มต้นในปีใหม่ มาถึงตอนนี้ ถ้าไม่ถูกลืมก็ถูกยัดลงกล่องใส่ตู้ปิดตายและแปะหน้าตู้ว่าไม่แน่ เอาไว้ทำปีหน้าแล้วกันอย่างไรก็ดี ความหวังก็คงยังไม่สูญไปทั้งหมดเพราะโอกาสที่สองกำลังมาถึงแล้ว กับการฉลองวันปีใหม่จีนหรือที่เรารู้จักกันว่า ตรุษจีนในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ นั้นเอง
ตรุษจีนนั้นคล้ายคลึงกับวันปีใหม่ในประเทศทางตะวันตก ร่องรอยของประเพณี และพิธีกรรมความเป็นมาของการฉลองตรุษจีน นั้นมีมานานกว่าศตวรรษ จริงๆแล้วนานมาก จนไม่สามารถย้อนกลับไปดูว่าเริ่มต้นฉลองมาตั้งแต่เมื่อไร เป็นที่รู้จักและจำได้ทั่วไปว่าเป็น การฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ และการฉลองเป็นเวลานานถึง 15 วัน การเตรียมงานฉลองส่วนใหญ่จะเริ่มหนึ่งเดือนก่อนวันตรุษจีน (คล้ายกับวัน คริสต์มาสของประเทศตะวันตก) เมื่อผู้คนเริ่มซื้อของขวัญ, สิ่งต่างๆ เพื่อประดับบ้านเรือน, อาหารและเสื้อผ้า การทำความสะอาดครั้งใหญ่ก็เริ่มขึ้นในวันก่อนตรุษจีน บ้านเรือนจะถูก ทำความสะอาดตั้งแต่บนลงล่างหน้าบ้านยันท้ายบ้าน ซึ่งหมายถึงการกวาดเอาโชคร้าย ออกไป ประตูหน้าต่างมีการขัดสีฉวีวรรณทาสีใหม่ซึ่งสีแดงเป็นสีนิยม ประตูหน้าต่างจะถูก ประดับประดาด้วยกระดาษที่มีคำอวยพรอย่างเช่น อยู่ดีมีสุข ร่ำรวย และอายุยืนเป็นต้น

วันก่อนวันตรุษจีนนั้นเป็นวันแห่งการการรอคอยจะว่าไปถือวันที่น่าตื่นเต้นมากที่สุด ในบรรดาการฉลองทั้งหมดเห็นจะได้ ประเพณีและพิธีกรรมต่างๆ นั้นผูกไว้กับทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งแต่ อาหาร ไปจนถึงเสื้อผ้า อาหารค่ำนั้นประกอบด้วยอาหารทะเล และอาหารนึ่งเช่นขนมจีบ ซึ่งแต่ละอย่างจะมีความหมายต่างๆกัน อาหารอันโอชะอย่างเช่นกุ้งจะหมายถึงชีวิตที่รุ่งเรือง และความสุข เป๋าฮื้อแห้งหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ดี สลัดปลาสดจะนำมาซึ่งโชคดี จี้ไช่ (ผมเทวดา) สาร่ายดูคล้ายผมแต่กินได้จะนำความความร่ำรวยมาให้ และขนมต้ม (Jiaozi) หมายถึงบรรพชนอวยพร และเป็นธรรมดาเสื้อผ้าที่ใส่สีแดงถือเป็นสีที่เป็นมงคลเป็นการไล่ปีศาจร้ายให้ออกไป และการใส่สีดำหรือขาวเป็นสิ่งต้องห้าม ซึ่งสีเหล่านี้ถือว่าเป็นสีแห่งการไว้ทุกข์ หลังจากอาหารค่ำทุกคนในครอบครัวนั่งกันจนเช้าเพื่อรอวันใหม่โดยการเล่นเกม เล่นไพ่ หรือดูรายการทีวีที่เกี่ยวกับวันตรุษจีน และในวันนี้จะต้องไม่โกรธ ริษยา หรือ ไม่พอใจ เพื่อเป็นสิริมงคลที่ดีสำหรับปีที่กำลังจะมาถึง
เมื่อถึงวันตรุษจีน ประเพณีตั้งแต่โบราณมาเรียกว่า อังเปา ซึ่งหมายถึง กระเป๋าแดง เป็นการที่คู่แต่งงานให้เงินเด็กๆ และผู้ใหญ่ที่ยังไม่ได้แต่งงานในซองสีแดง หลังจากนั้นทุกคน ในครอบครัว ต่าง ออกมาเพื่อกล่าวสวัสดีปีใหม่ เริ่มจากญาติๆ แล้วต่อด้วยเพื่อนบ้าน ซึ่งคงคล้ายกับการที่ชาวตะวันตกพูดว่า"Let bygones be bygones" (อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป) ในวันตรุษนี้ อารมณ์โมโหโกรธาจะถูกลืม และไม่สนใจ การฉลองวันตรุษจีนสิ้นสุดลงในงานโคมไฟ ซึ่งฉลองโดยการร้องเพลง เต้นรำ และงานแสดงโคมไฟ ถึงแม้ว่าการฉลองวันตรุษจีน จะมีแตกต่างกันออกไปแต่สิ่งที่เหมือนกัน คือ การอวยพร ความสงบ และความสุขให้กับคนในครอบครัวและเพื่อนทุกคน
อาหารไหว้เจ้า
ในวันฉลองตรุษจีนอาหารจะถูกรับประทานมากกว่าวันไหนๆในปี อาหารชนิดต่างๆที่ปฏิบัติกันจนเป็นประเพณี จะถูกจัดเตรียมเพื่อญาติพี่น้องและเพื่อนฝูง รวมไปถึงคนรู้จักที่ได้เสียไปแล้ว ในวันตรุษครอบครัวชาวจีนจะทานผักที่เรียกว่า ไช่ ถึงแม้ผักชนิดต่างๆที่นำมาปรุง จะเป็นเพียงรากหรือผักที่มีลักษณะเป็นเส้นใยหลายคนก็เชื่อว่าผักต่างๆมีความหมายที่เป็น มงคลในตัวของมัน
เม็ดบัว - มีความหมายถึง การมีลูกหลานที่เป็นชาย
เกาลัด - มีความหมายถึง เงิน
สาหร่ายดำ - คำของมันออกเสียงคล้าย ความร่ำรวย
เต้าหู้หมักที่ทำจากถั่วแห้ง - คำของมันออกเสียงคล้าย เต็มไปด้วยความร่ำรวย และ ความสุข
หน่อไม้ - คำของมันออกเสียงคล้าย คำอวยพรให้ทุกอย่างเต็มไปด้วยความสุข เต้าหู้ที่ทำจากถั่วสดนั้นจะไม่นำมารวมกับอาหารในวันนี้เนื่องจากสีขาวซึ่งเป็นสีแห่งโชคร้าย สำหรับปีใหม่และหมายถึงการไว้ทุกข์

วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เมือง เมลเบิร์น





เมืองเมลเบิร์น เป็นเมืองที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก เมื่อเทียบกับเมืองซิดนีย์ คือมีพื้นที่เพียง 6,100 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น แต่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น และมีความสำคัญทางด้านเศรษฐกิจเป็นอย่างมา เรียกว่าเป็นอันดับสองรองลงมาจากซิดนีย์เลยก็ว่าได้ เป็นเมืองที่มีเสน่ห์มัดใจนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี เนื่องจากเมืองนี้ได้รับการขนานนามว่า เป็น “ Garden City “ มองไปทางไหนก็เห็นสีเขียว ๆ ของต้นไม้เต็มไปหมด และมีสวนสาธารณะอยู่หลายแห่ง ในตอนเช้าเราจะเห็นผู้คนออกมาวิ่งจ๊อกกิ้งออกกำลังกายอยู่ตามสวนสาธารณะ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เมืองนี้มีอากาศดี สดชื่นแจ่มใส ไร้มลพิษ อีกทั้งเมืองนี้ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำยาร์ร่า จึงทำให้มีทิวทัศน์สวยงาม มองแล้วสบายตา





ในอดีตเมืองเมลเบิร์น เคยมีฐานะเป็นเมืองหลวงเก่าของออสเตรเลียมาก่อน ตั้งแต่ปี ค.ศ.1901 – 1927 แต่หากจะย้อนประวัติศาสตร์ไปก่อนหน้านั้น ก็เริ่มตั้งแต่สมัยก่อนที่ชาวยุโรปที่อพยพมาตั้งรกรากอยู่ในออสเตรเลีย ส่วนใหญ่จะมาอาศัยอยู่ในเมืองซิดนีย์ ต่อมามีชาย 2 คน คือ นาย John Batman และ นาย John Folkner เห็นว่าเมืองซิดนีย์เริ่มหนาแน่นแออัดมากขึ้น ก็เลยชักชวนกันเดินทางลงมาทางใต้ เพื่อมาหาถิ่นที่อยู่ใหม่ เดินทางลงมาเรื่อย ๆ ก็มาพบแม่น้ำยาร์ร่า จึงถูกอกถูกใจกับพื้นที่บริเวณนี้ เนื่องจากมีแม่น้ำไหลผ่าน ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีความอุดมสมบูรณ์ จึงได้จับจองบริเวณโดยรอบเป็นการใหญ่ แล้วตั้งชื่อเมืองว่า Port Phillip ตามชื่อของอ่าว เพราะแม่น้ำยาร์ร่านั้นไหลลงสู่อ่าว Port Phillip แล้วจากนั้นก็มีผู้คนมาจับจองปักหลักตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นี่เพิ่มมากขึ้น จนขยายกลายเป็นเมืองใหญ่ ต่อมาก็ถึงยุคสมัยที่ Lord Melbourne มารับตำแหน่งเป็นอัครมหาเสนาบดีของอังกฤษ ท่านได้ให้การสนับสนุนช่วยเหลือคนในเมืองนี้หลาย ๆ ด้าน ดังนั้นจึงเปลี่ยนชื่อเมืองจาก Port Phillip มาเป็น เมืองเมลเบิร์น ในปี ค.ศ. 1842





การเดินทางท่องเที่ยวในตัวเมืองนั้น สะดวกสบายมีให้เลือกหลายทาง ทั้งรถไฟ รถโดยสารประจำทาง (Bus) ซึ่งวิ่งรับส่งผู้โดยสารทั้งแบบรอบกลางวันและรอบกลางคืน ที่เรียกว่า Night Rider Bus วิ่งรับส่งตั้งแต่หลังเที่ยงคืนถึงตีสี่ เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ ส่วนรถราง (City Tram Circle) วิ่งรอบตัวเมืองชั้นใน รถออกทุก 10 นาที จากถนน Flinders วิ่งรอบหนึ่งใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที หรือจะนั่งรถ Melbourne City Explorer จัดไว้สำหรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ ซื้อตั๋วครั้งเดียวเที่ยวได้ตลอดวัน







ผู้ติดตาม