เมื่อวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมานี้ มีประกาศจากกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับอันตรายที่อาจแฝงมากับแฟชั่นฮิต ติด “ขนตาปลอม” ว่าหากขั้นตอนและอุปกรณ์ที่ใช้ในการติดนั้นไม่สะอาดพอจะสะสมเชื้อโรค ทำให้ตาดำอักเสบได้ ซึ่งอาการดังกล่าวทำให้เสี่ยงต่อการทำให้ตาบอดได้ เนื่องจากหนังตาเป็นบริเวณที่มีผิวบอบบาง เสี่ยงต่อการแพ้ได้ง่าย แนะหากจะใช้ต้องได้มาตรฐาน ก่อนใส่ต้องล้างมือให้สะอาด ไม่ควรใช้ขนตาปลอมร่วมกับคนอื่น หรือใส่ต่อเนื่องกันนานๆ หากมีอาการแพ้หรืออักเสบ ต้องปรึกษาจักษุแพทย์ทันที
โดยประกาศดังกล่าวนั้น นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้เล่าสาเหตุของการประกาศเตือนว่า ปัจจุบันกระแสแฟชั่นใส่ขนตาปลอม กำลังฮิตมาแรง เป็นที่นิยมของสาวๆ โดยเฉพาะวัยรุ่น เพราะเชื่อว่าจะช่วยเสริมบุคลิกสร้างความมั่นใจให้ดูดี มีเสน่ห์ ตากลมโตแบบตุ๊กตา ทำให้ผู้รักสวยรักงาม ทั้งชายหญิง นิยมติดขนตาปลอมที่มีลักษณะยาวและงอน เพื่อให้ดวงตาดูโต ขับใบหน้าให้โดดเด่น (ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่ายิ่งคนที่มีขนตาน้อยและสั้น ก็ยิ่งนำมาติดเพิ่มหลายชั้น บางคนติดเป็นแพหนาเหมือนขนนก บางคนนำขนตาปลอมที่มีลูกปัด คริสตัล เพชรประดับอยู่มาติด )
ทั้งนี้การนำสิ่งแปลกปลอมหรือวัสดุต่างๆ มาติดที่ขนตา ถือว่าเป็นพฤติกรรมที่ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายต่อนัยน์ตาเป็นอย่างมาก เพราะอาจทำให้เกิดสิ่งสกปรกมาสะสมบริเวณหนังตา และหากเก็บรักษาขนตาปลอมไม่ถูกวิธี ไม่สะอาด เมื่อนำมาติดที่ขอบตาซึ่งติดกับขนตา จึงมีโอกาสที่เชื้อโรคจะเข้าสู่ดวงตา อาจก่อเกิดอาการแพ้ระคายเคือง อักเสบ มีโอกาสเสี่ยงถึงขั้นตาบอดได้เลยทีเดียว
ทั้งนี้การนำสิ่งแปลกปลอมหรือวัสดุต่างๆ มาติดที่ขนตา ถือว่าเป็นพฤติกรรมที่ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายต่อนัยน์ตาเป็นอย่างมาก เพราะอาจทำให้เกิดสิ่งสกปรกมาสะสมบริเวณหนังตา และหากเก็บรักษาขนตาปลอมไม่ถูกวิธี ไม่สะอาด เมื่อนำมาติดที่ขอบตาซึ่งติดกับขนตา จึงมีโอกาสที่เชื้อโรคจะเข้าสู่ดวงตา อาจก่อเกิดอาการแพ้ระคายเคือง อักเสบ มีโอกาสเสี่ยงถึงขั้นตาบอดได้เลยทีเดียว
ดังนั้นถ้าหากคนไหนที่ติดขนตาปลอมอยู่ หรือกำลังจะเริ่มหัดติดขนตาปลอม น้องๆ ควรให้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก เนื่องจากขนตาของคนเรา มีความสำคัญอย่างมากต่อดวงตา มีหน้าที่ป้องกันอันตรายที่จะเกิดกับดวงตา เช่นป้องกันฝุ่นผง ฝุ่นละออง และเหงื่อไม่ให้ไหลเข้าสู่ดวงตา แต่ถ้าหากมีสิ่งแปลกปลอม เช่น ขนตาปลอม หรือกาวติดขนตา ไหลเข้าสู่บริเวณดวงตาก็อาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงได้
สำหรับธรรมชาติของขนตาของคนทั่วไปนั้น จะมีขนตาบนมากกว่าขนตาล่าง โดยขนตาบนมีประมาณ 120 เส้น ขนตาข้างล่างมีประมาณ 80 เส้น ที่โคนขนตาแต่ละเส้นจะมีต่อมไขมันและต่อมเหงื่อช่วยผลิตไขมันและน้ำไปหล่อเลี้ยงดวงตา เพื่อเคลือบกระจกตาให้ชุ่มชื้นทำให้ดวงตาไม่แห้ง แต่ถ้าหากเราไม่รู้จักทะนุถนอมดวงตาโดยเฉพาะเวลาที่ต้อง
ติดขนตาปลอมและขณะดึงออก กาวที่ติดขนตาอาจจะทำให้ขนตาจริงหลุดติดมาด้วย และยิ่งทำบ่อยครั้งจะยิ่งสร้างความกระทบกระเทือนต่อขนตา ขนตาก็จะหลุดร่วง หรือเปราะบาง หักง่ายและไม่แข็งแรง ส่งผลถึงการทำลายดวงตาของตัวเองได้ด้วยเช่นกันค่ะ
สำหรับธรรมชาติของขนตาของคนทั่วไปนั้น จะมีขนตาบนมากกว่าขนตาล่าง โดยขนตาบนมีประมาณ 120 เส้น ขนตาข้างล่างมีประมาณ 80 เส้น ที่โคนขนตาแต่ละเส้นจะมีต่อมไขมันและต่อมเหงื่อช่วยผลิตไขมันและน้ำไปหล่อเลี้ยงดวงตา เพื่อเคลือบกระจกตาให้ชุ่มชื้นทำให้ดวงตาไม่แห้ง แต่ถ้าหากเราไม่รู้จักทะนุถนอมดวงตาโดยเฉพาะเวลาที่ต้อง
ติดขนตาปลอมและขณะดึงออก กาวที่ติดขนตาอาจจะทำให้ขนตาจริงหลุดติดมาด้วย และยิ่งทำบ่อยครั้งจะยิ่งสร้างความกระทบกระเทือนต่อขนตา ขนตาก็จะหลุดร่วง หรือเปราะบาง หักง่ายและไม่แข็งแรง ส่งผลถึงการทำลายดวงตาของตัวเองได้ด้วยเช่นกันค่ะ
เมื่อรู้อย่างนี้แล้วถ้าหากต้องการจะซื้อขนตาปลอมและกาวติดขนตาปลอมไปใช้ น้องควรเลือกซื้อขนตาปลอมและกาวติดขนตาปลอมที่ได้มาตรฐานและถูกต้องตามหลักวิชากร คือมีส่วนประกอบสำคัญที่เหมาะกับการใช้เฉพาะที่ และต้องระบุฉลากชัดเจนว่าใช้กับดวงตาเท่านั้น หากใช้กาวอื่นมาติด อาจเป็นอันตรายได้ อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ ไม่ควรใช้ขนตาปลอมร่วมกับคนอื่น หรือไม่ควรติดขนตาปลอมติดต่อกันนานๆ ควรหยุดพักบ้าง และหากมีอาการแพ้หรืออักเสบหลังติดขนตาปลอม เช่น เกิดผื่นแดง มีตุ่มหนองใส อักเสบ บวม แสบหรือระคายเคือง ต้องรีบปรึกษาจักษุแพทย์ทันที เพื่อรับการรักษาอย่างทันที เพื่อป้องกันการติดเชื่ออย่างรุนแรงค่ะ
ส่วนเรื่องของการบำรุงทะนุถนอมขนตาให้แข็งแรง ไม่หลุดร่วง มีหลายวิธี เช่น กินอาหารที่มีกรดโฟลิค ซึ่งมีในตับ ผักใบเขียว ยีสต์ซึ่งมีในขนมปังและนมเปรี้ยว และธาตุสังกะสีซึ่งมีในหอยนางรม ตับ เนื้อ ถั่ว ธัญพืช อาหารทะเล และไข่เป็นต้น
ส่วนเรื่องของการบำรุงทะนุถนอมขนตาให้แข็งแรง ไม่หลุดร่วง มีหลายวิธี เช่น กินอาหารที่มีกรดโฟลิค ซึ่งมีในตับ ผักใบเขียว ยีสต์ซึ่งมีในขนมปังและนมเปรี้ยว และธาตุสังกะสีซึ่งมีในหอยนางรม ตับ เนื้อ ถั่ว ธัญพืช อาหารทะเล และไข่เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น