ตัวเคลื่อนไหว

JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW JIGSAW

วันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เอคโค่กับนาร์ซิสซัส


















เอคโค่กับนาร์ซิสซัส

Echo & Narcissus

เอคโค่คือนางไม้แสนงามแห่งภูเขาเฮลิออนผู้เป็นบุตรีของเกอา แต่นางเป็นคนที่ช่างพูดในประเภทที่ว่าหากเลี้ยงนกแก้วนกขุนทองเอาไว้ มันจะต้องกัดลิ้นตายแน่

แม้ผู้อื่นจะรำคาญที่นางพูดมากเช่นนี้ แต่ก็ไม่มีใครทำอะไร จนกระทั่งวันหนึ่งมีประชุมเหล่านางไม้และนางพราย ซึ่งเทวีเฮร่า(ในภาษาโรมันเรียกจูโน)เจ้าแม่แห่งสรวงสวรรค์เป็นประธาน เป็นไปตามที่ทุกคนคาด นางไม้เอคโค่เล่นจ้อเสียคนเดียวโดยไม่เว้นช่องไฟให้ใครได้พูดเลย แม้กระทั่งตัวเฮร่าเองก็หาจังหวะจะแทรกไม่ได้ ทำให้เฮร่าทั้งโกรธทั้งรำคาญความเป็นนกแก้วนกขุนทองยังอายของนาง เทพีแห่งสรวงสวรรค์จึงร่ายคำสาปใส่เอคโค่ ให้นางพูดสิ่งใดไม่ได้นอกจากคอยพูดตามคำสุดท้ายของประโยคที่ผู้อื่นพูด

เอคโค่อับอายมากที่ต้องคอยพูดเพียงคำท้ายประโยคของผู้อื่น และถูกล้อเลียนจนไม่เข้าประชุมหรือสมาคมกับใครอีกเลย ซึ่งบรรดานางไม้นางพรายทั้งหลายก็สุดแสนจะดีใจไม่เป็นทุกข์ร้อนที่นางหายหน้าไป (ยังรำคาญอยู่เหมือนกัน ที่มีเอคโค่มาคอยพูดตามท้ายประโยคทุกคำ)

กล่าวถึงชายหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งนามว่านาร์ซิสซัสบุตรแห่งเซฟิซุสกับเลียริโอปี เป็นผู้ชอบท่องไปตามป่าเขาลำเนาไพร นาร์ซิสซัสถือเป็นชายหนุ่มที่งามที่สุดในยุคนั้นทีเดียว ทำให้มีหญิงสาวมาหลงรักมากมายจนแทบไม่เป็นอันกินอันนอน เขาจึงตัดสินใจมาอยู่ในป่าเพื่อตัดความรำคาญ แต่ไม่วายมีเหล่านางไม้นางพรายมาหลงใหลได้ปลื้มอีก โดยเฉพาะเอคโค่นั้นหลงรักนาร์ซิสซัสจนตามติดทุกฝีก้าวแบบไปไหนไปกัน นาร์ซิสซัสออกปากไล่ก็ยังไม่ยอมไป ซ้ำยังทำหน้าใสซื่อทวนคำท้ายประโยคของเขาอีก ทำให้ชายหนุ่มปลงๆขี้เกียจตอแยด้วย และปล่อยให้นางไม้ผู้นี้ติดตามต่อไปตามใจนาง

นาร์ซิสซัสไม่เพียงแต่ไม่ใยดีบรรดาหญิงสาวนางไม้นางพรายที่หลงรักเขา ซ้ำยังดูแคลนความรักของพวกนางอีกด้วย ว่าเป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระและน่าเบื่อสิ้นดี เรื่องนี้ร้อนถึงเทวีอะโฟรไดที (วีนัสในโรมัน) เทพีแห่งความรัก นางเห็นว่าการที่หนุ่มรูปงามเช่นนาร์ซิสซัสไม่มีความรักนั้นเป็นความผิดอย่างร้ายแรงอยู่แล้ว (ในความคิดของนางเอง) และยังมาดูแคลนความรักอีก รวมกันแล้วเป็นความผิดอย่างอภัยให้ไม่ได้ จึงสาปให้นาร์ซิสซัสหลงรักเงาตนเอง

ฝ่ายนาร์ซิสซัสรูปงามนั้นไม่รู้เรื่องอะไรเลยว่าตัวเองโดนอะโฟรไดทีสาปเข้าเต็มๆ เมื่อเดินทางมาถึงลำธารใสสะอาดก็ก้มลงหวังจะวักน้ำล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น แต่พลันสายตาของเขาก็ไปสบกับดวงตาของชายหนุ่มที่รูปงามที่สุดเท่าที่เขาจะจินตนาการได้ นาร์ซิสซัสยิ้มให้ชายหนุ่มซึ่งเขาก็ยิ้มตอบมาด้วยรอยยิ้มละไมเช่นกัน ความรักนั้นก็บังเกิดขึ้นเต็มใจของนาร์ซิสซัส เขายื่นแขนออกไปหมายจะโอบกอดชายรูปงามเบื้องหน้า แต่ทว่าเมื่อมือของเขาสัมผัสกับผิวน้ำ ภาพชายหนุ่มก็หายไปและกลับคืนมาเมื่อน้ำเรียบสงบดังเดิม

ผลจากคำสาปทำให้นาร์ซิสซัสเฝ้ามองชายในน้ำโดยไม่รู้ว่าเป็นเงาของตน เขาไม่ยอมกินยอมนอนและคอยจะโอบกอดชายรูปงามที่เขาแสนรักอีก แต่ผลก็เป็นเหมือนเดิม

จนในที่สุด หนุ่มรูปงามผู้นี้ก็สิ้นใจลงข้างลำธารนั่นเอง ร่างของเขากลายเป็นดอกไม้ที่งดงามริมน้ำ ราวกับว่าคอยชะโงกดูเงาของตน และเพื่อเป็นการไว้อาลัยต่อชายหนุ่มผู้งดงาม จึงเรียกดอกไม้นี้ว่า นาร์ซิสซัส (Narcissus , ดอกจะมีขนาดใหญ่ ลำต้นแข็งตั้งตรง ขึ้นอยู่ตามริมน้ำ ซึ่งในภาษาจีนเรียกว่าจุ๊ยเซียนและต่อมาก็เกิดคำเรียกผู้ที่หลงใหลตนเอง บูชาตนเองว่าNacissism)

ส่วนนางไม้เอคโค่นั้น เสียใจเป็นอย่างยิ่งในการจากไปของนาร์ซิสซัส และไม่มีใครเห็นนางอีกเลย มีเพียงเสียงของนางที่คอยก้องสะท้อนคำสุดท้ายของผู้คนตามป่าเขาและถ้ำเท่านั้นที่บ่งบอกว่านางยังคงอยู่ เป็นที่มาของศัพท์คำว่า echo ในภาษาอังกฤษซึ่งแปลว่า เสียงก้อง เสียงสะท้อน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม